ต่อลมหายใจ หงส์แดง จะได้โอกาสได้ต่อลมหายใจสำหรับในการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูนี้ ไหม
ต่อลมหายใจ เมื่อพวกเขามีคิวเจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่สนามแอนฟิลด์ ในวันอาทิตย์ที่ 7 เดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งบอกได้เลยว่าผลของการแข่งขันมีส่วนสำคัญต่อ “ลิเวอร์พูล” อย่างยิ่ง
การเล่นในบ้านสำหรับ “เดอะ เร้ดส์” ในตอนก่อนหน้านี้ บางครั้งก็อาจจะไม่ค่อยน่าหวาดหวั่นเท่าไรนัก เหตุเพราะพวกเขาแพ้ให้คู่ต่อสู้คาถิ่นมาแล้ว 3 เกมต่อเนื่องกัน ซึ่งมนต์ขลังเกมเหย้าที่เคยสร้างเอาไว้เป็นสถิติไม่มีปราชัยในลีกกว่า 3 ปีไม่มีเหลืออีกแล้ว
สวนกับแมนฯ ที่ในขณะนี้ฟอร์มติดลมบนอย่างมาก สะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น 13 แมตช์ในทุกรายการ ไม่เสียประตูในลีก 6 แมตช์ต่อเนื่องกัน แต่ในเกมใหญ่อย่างนี้ศักดิ์ศรีมันค้ำคอ ด้วยเหตุนั้นอาจจะได้มองเห็นพลังซ่อนเร้น กองทัพ ก็ได้ ข่าวกีฬาฟุตบอลลิเวอร์พูล
นับว่าเป็นข่าวดีมากมายๆสำหรับ ที่ ซาดิโอ มาเน่, อลีสซง เบ็คเกอร์ แล้วก็ ฟาบินโญ่ มีลักษณะดีวันดีคืน แล้วก็มีลุ้นที่กำลังจะได้ลงไปในสนามเป็น 11 ตัวจริงในเกมเปิดรังแอนฟิลด์ จัดการ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ วันอาทิตย์นี้
การขาด 3 นักฟุตบอลสำคัญนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ “ลิเวอร์พูล” จะต้องเจอกับความปราชัยในเกมปัจจุบันที่แพ้ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน คาบ้าน โดยยิ่งไปกว่านั้นในตำแหน่งเกมรุกเนื่องจาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ขาดลำแข้งรู้ใจอย่าง มาเน่ ทำให้การเล่นเกมบุกมองขาดๆเกินๆ
เวลาที่ในแนวรับจำต้องกล่าวว่าเป็นข่าวดีเลิศๆถ้า ฟาบินโญ่ ฟิตบริบูรณ์ลงสนามได้ ด้วยเหตุว่าจะก่อให้ คล็อปป์ เลือกจับเขายืนเป็นกองหลังตัวกลาง ร่วมกับ โอซาน คาบัค ปราการหลังใหม่แกะกล่อง รวมทั้งส่ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กลับไปยืนปฏิบัติงานในดินแดนกึ่งกลางร่วมกับ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ซึ่งโน่นจะมีผลให้ ว่ากล่าวอาโก้ อัลกันตาร่า มีอิสระสำหรับเพื่อการเล่นเกมบุกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งไปกว่านั้นการที่ อลีสซง ได้กลับมายืนเฝ้าเสา ยิ่งทำให้แผงแบ็กโฟร์รู้สึกอุ่นใจมากยิ่ง เนื่องจากอย่างต่ำๆการได้มองเห็น “บิดาหมี” ปฏิบัติภารกิจรอสั่งอยู่หน้าปากประตู เพื่อนพ้องร่วมกลุ่มย่อมมีความรู้สึกฮึกเหิมพร้อมสู้มอบให้หัวเต็มดูด
ต่อลมหายใจ ส่วนแนวรุกการได้มองเห็น 3 ผสานยืนเรียงตัวล่าประตู อาจจะทำให้แนวรับ “เรือใบสีฟ้า” มีลักษณะอาการหวาดหวั่นด้วยเหมือนกัน เพราะว่าถึงเดี๋ยวนี้ มาเน่, ซาลาห์ แล้วก็ฟีร์มีโน่ บางทีก็อาจจะฟอร์มหลุดไปบ้าง แม้กระนั้นแม้ประมาทได้โอกาสที่จะเสียประตูได้ในทันที
การที่ เควิน เดอ บรอยน์ เจ็บอาจทำให้คู่ปรปักษ์หมดกังวล เนื่องจากความอันตรายของ แมนเชสเตอร์ บางทีอาจลดลง แม้กระนั้นมันไม่ใช่เลยเพราะเหตุว่าพวกเขายังมี อิลคาย กุนโดกัน ที่ระเบิดฟอร์มปฏิบัติภารกิจเป็นเพลย์เมกเกอร์ให้กับกลุ่มได้อย่างเพอร์เฟกต์
ในตอนต้นฤดูกาลนี้ จอมบุกกลุ่มชาติเยอรมนี ทำผลงานไม่ค่อยดีนักทำประตูหรือทำแอสซิสต์ไม่ได้เลย จวบจนกระทั่งผ่านมาช่วงกลางเดือนเดือนธันวาคม ฟอร์มของ กุนโดกัน พีคขึ้นแบบหน้ามือเป็นข้างหลังเท้าเมื่อเขาซัดไป 7 ประตูกับ 1 แอสซิสต์ในเวลาเพียงแค่ 10 เกมเพียงแค่นั้น ซึ่งไม่มีนักฟุตบอลคนใดกันแน่ในลีกที่ทำเป็นดีไปกว่าเขาในช่วงดังกล่าวเลย สนดึงร่วมกลุ่มไหม
ประสิทธิภาพของเขาช่วยยกฐานะการเล่นของ “เรือใบสีฟ้า” ขึ้นมาอย่างน่าเหลือเชื่อ ประกอบกับการมีกรุ๊ปแนวรุกที่ฟอร์มกระฉูดทั้งยัง ฟิล โฟเด้น, ริยาด มาห์เรซ, แบร์นาร์โด้ สิลวา และ ราฮีม สเตอร์ลิง รอเป็นอย่างยิ่งเกื้อหนุน ยิ่งทำให้ผลงานของ กุนโดกัน พุ่งทะลุเพดานไปแล้ว
ต่อลมหายใจ นอกเหนือจากนั้นประโยชน์ซึ่งมาจาก กุนโดกัน ไม่ใช่แค่ทำประตูได้เฉียบคมเพียงแค่นั้น แต่ว่า ตัวรุกพลังด๊อยท์ช ยังมีส่วนสำหรับเพื่อการเชื่อมเกมจากรับเป็นรุกได้ตลอด การวิ่งทั่วสนามเจ้าตัวช่วยเพิ่มช่องทางในเกมบุกของ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้นหากแม้กลุ่มจะขาด เดอ บรอยน์ แต่ว่าก็ยังมี กุนโดกัน และก็พ้องเพื่อนพ้องที่เล่นเข้ากันอย่างยิ่งในขณะนี้ โดยเหตุนี้แนวรับของเจ้าของบ้านต้องระมัดระวังเอาไว้ให้ดีๆ
เกมรุกเป็นจุดขายของ แมนเชสเตอร์ ในหลายๆฤดูก่อนหน้าที่ ผ่านมา เพราะว่าพวกเขาชอบยิงคู่ปรปักษ์กระฉูดแตกมา ตลอดโดยเฉพาะ อย่างยิ่งในสมัย เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จับบังเหียน แต่ว่าสำหรับฤดูกาลนี้ “เรือใบสีฟ้า” มีลักษณะเด่นอย่างยิ่งในเรื่องเกมรับที่แน่นแฟ้น
เรื่องฟอร์มของเกมบุกไม่ต้อง บอกก็ทราบ เนื่องจากว่า แมนฯ ซิตี้ ชี้ให้เห็นมาตลอดว่าพวกเขามีปรัชญาเดินหน้าฆ่าลูกเดียว แม้กระนั้นบางเวลาก็ชอบโดนทีเด็ดคู่ปรับสวนกลับกระทั่งเสียประตู ซึ่งเหตุอย่างนี้ก็เคยเกิดขึ้น ในตอนต้นฤดูกาลไม่ว่าจะในเกมที่แพ้ สเปอร์ส กับ เลสเตอร์ ฯลฯ
ต่อลมหายใจ อย่างไรก็ดีในเวลานี้ เป๊ป ปรับจูนเกมรับให้มีความพอดีเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งคู่กองหลังตัวกลาง จอห์น สโตนส์ กับ รูเบน ดิอาส ที่ยิ่งเล่นยิ่งแน่นแฟ้น โดย 11 เกมลีกที่มีทั้งสองคุมเกมรับ “เรือใบสีฟ้า” เสียเพียงแค่ประตูเดียวแค่นั้น แถมชนะ 10 เกม เสมอ 1 แมตช์ ซึ่งเป็นเกมที่พวกเขาตี เชลซี 3-1 ในสแตมฟอร์ด บริดจ์
นอกเหนือจากนั้นผลงานเกมรับที่แน่นแฟ้นทำให้เก็บชัย 13 แมตช์ต่อเนื่องกันในทุกรายการ โดยชนะในลีกถึง 9 เกมและไม่เสียประตูในลีก 6 แมตช์ต่อเนื่องกัน
เว้นเสียแต่เซนเตอร์เข้มแข็งแล้ว นายทวารอย่าง เอแดร์ซอน ยังเหนียวอีกต่างหาก เพราะว่าเขาไม่เสียประตูในลีกนานถึง 768 นาที และก็เก็บคลีนชีตไปแล้ว 13 เกม ดังนั้นนี่เป็นข้อดีที่ จำต้องบากบั่นทำลายให้ได้ แต่ว่าจะทำเป็นหรือไม่ เนื่องจากว่าตอนก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาฟอร์มเกมรุกของ “ลิเวอร์พูล” มีลักษณะอาการสามวันดีสี่วันฝืดซะด้วย
แอนฟิลด์ เป็นสนามที่คู่ต่อสู้ออกจะหวาดหวั่นมานานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เสียงเชียร์ของสาวก “เดอะ ค็อป” สามารถช่วยกระตุ้นให้กลุ่มจากที่กำลังจะแพ้ กลับเหตุการณ์กลับมาชนะให้มองเห็นหลายต่อหลายแมตช์
แต่ในช่วงฤดูกาลนี้ดูราวกับว่ามนต์ขลังแอนฟิลด์ เสื่อมคาถาไปพอควร บางทีก็อาจจะอ้างถึงว่าเป็นด้วยเหตุว่าการไม่มีผู้เล่นผู้ที่ 12 (กองเชียร์) ก็เลยทำให้สนามที่นี้ดูไม่ได้น่าสยดสยองสำหรับคู่ปรับ ถึงกระนั้นสิ่งสำคัญที่สุดก็คือผลงานของนักฟุตบอลในสนามที่เก็บทรงไม่อยู่ ออกอาการเป๋มาแล้วหลายนัดหมายในบ้านตนเอง
“ลิเวอร์พูล” เคยสร้างสถิติสุดชั่วร้ายไม่มีแพ้ในแอนฟิลด์ 68 เกม แต่ว่าในเวลานี้พวกเขาเป็นกลุ่มที่แพ้ในบ้านเกมลีก 3 แมตช์ต่อเนื่องกัน รวมทั้งการจัดการกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังสุ่มเสี่ยงที่จะแพ้ 4 เกมในบ้านเรียบวุธ ซึ่งสถิติที่ทรามอย่างนี้เกิดขึ้นหนสุดท้ายเมื่อปี 1963
ที่เลวนอกเหนือจากนั้นถ้าเกิด ไม่อาจจะทำประตูในบ้านเกมเจอ แมนฯ ซิตี้ โน่นจะก่อให้พวกเขาทำประตูมิได้เลยในแอนฟิลด์ 4 เกมต่อเนื่องกันในลีกซึ่งเป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์สมาคม….เพียงแค่คิดก็สยดสยองแล้ว
อย่าลืมว่า ชอบเป็นกลุ่มที่ระเบิดฟอร์มยอดเยี่ยมตอนที่อยู่ในตอนวิกฤติ หรือการเจอกับกลุ่มใหญ่ ซึ่งแน่ๆว่าเกมกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ พวกเขาอาจเตรียม พร้อมมาเต็มกำลังเพื่อปราบผู้นำฝูง รวมทั้งต่อยอดช่องทางสำหรับใน การลุ้นแชมป์ลีกในฤดูกาลนี้
เดี๋ยวนี้ “เดอะ เร้ดส์” ตามหลัง “เรือใบสีฟ้า” 7 คะแนน และก็ยังแข่งขัน มากยิ่งกว่า 1 นัดหมาย เพราะฉะนั้นความปราชัยในเกมนี้ น่าจะเป็นการตัดช่องทางสำหรับการได้แชมป์ของหงส์แดงไปได้เลย ในเวลาเดียวกันถ้าหากกลุ่ม ของคล็อปป์ กลับเมืองนรกคว้าแชมป์ได้ พวกเขาจะฟื้นขึ้นขึ้นมาโดยทันที
นอกนั้นอีกทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และก็ เลสเตอร์ สิตี้ ก็อาจจะยิ้มอย่างสุขสบายถ้าหากมองเห็น “เรือใบสีฟ้า” จมจมในแอนฟิลด์ เหตุเพราะจะเป็น การให้โอกาสให้พวกเขาทำสกอร์ไล่บี้กับยอดกลุ่มที่ ถิ่นเอตำหนิฮัด สเตเดี้ยม เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ